เมนู

2. วงศ์พระโกณฑัญญพุทธเจ้าที่ 2



ว่าด้วยพระประวัติของพระโกณฑัญญพุทธเจ้า



ฺฺB> [3] ต่อจากสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า พระพุทธ-
เจ้าพระนามว่าโกณฑัญญะ ผู้นำโลก ผู้มีพระเดชไม่มี
ที่สุด มีพระยศนับไม่ได้ ผู้มีพระคุณหาประมาณมิได้
ยากที่จะเข้าเฝ้า.
พระองค์ทรงมีพระขันติเปรียบด้วยแผ่นธรณี ทรง
มีศีล เปรียบด้วยสาคร ทรงมีสมาธิเปรียบด้วยขุนเขา
พระเมรุ ทรงมีพระญาณเปรียบด้วยท้องนภากาศ.
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าทรงประกาศอินทรีย์ พละ
โพชฌงค์และมรรคสัจ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์
ทั้งปวง.
เมื่อพระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้นำโลก ทรง
ประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยการตรัสรู้ธรรม
ครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ.
เมื่อทรงแสดงธรรมต่อ ๆ จากนั้น ในสมาคม
ของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2
ได้มีแก่สัตว์เก้าหมื่นโกฏิ.
สมัยเมื่อทรงข่มพวกเดียรถีย์แสดงธรรม ธรรมา-
ภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นโกฏิ. <ฺฺ/B>

พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ทรง
มีสันนิบาต ประชุมพระขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน ผู้คงที่
3 ครั้ง.
คือครั้งที่ 1 เป็นการประชุมพระขีณาสพจำนวน
แสนโกฏิ ครั้งที่ 2 จำนวนเก้าหมื่นโกฏิ ครั้งที่ 3
จำนวนแปดหมื่นโกฏิ.
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์นามว่า วิชิตาวี ครอบ
ครองอิสราธิปัตย์เหนือปฐพี มีมหาสมุทรเป็นขอบเขต.
เราเลี้ยงพระขีณาสพจำนวนแสนโกฏิ ผู้ไร้มลทิน
ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยพระโกณฑัญญพุทธเจ้า
ผู้เป็นนาถะเลิศแห่งโลก ให้อิ่มหนำสำราญด้วยอาหาร
อันประณีต.
พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้นำโลกพระองค์นั้น
ทรงพยากรณ์เราว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าในกัปที่หา
ประมาณมิได้นับแต่กัปนี้.
ตถาคตจักออกอภิเนษกรมณ์จากกรุงกบิลพัศดุ์ที่
น่ารื่นรมย์ ตั้งความเพียรทำทุกกรกิริยา นั่ง ณ โคน
อัชปาลนิโครธ รับข้าวมธุปายาส ณ ที่นั้นแล้ว จักเข้า
ไปยังแม่น้ำเนรัญชรา.
พระชินเจ้า เสวยข้าวมธุปายาส ณ ริมฝั่งแม่น้ำ
เนรัญชรา จักเดินตามทางที่เขาตกแต่งดีแล้วเข้าไปที่
โคนโพธิพฤกษ์.

ต่อแต่นั้น พระผู้มีพระยศใหญ่ จักทำประทักษิณ
โพธิมัณฑสถานอันยอดเยี่ยม จักตรัสรู้ที่โคนโพธิพฤกษ์
ชื่ออัสสัตถะ ต้นโพธิใบ.
พระชนนีของท่านผู้นี้ จักมีพระนามว่าพระนาง
มายา พระชนกพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านผู้
นี้จักมีพระนามว่า โคดม.
คู่พระอัครสาวก ชื่อว่าพระโกลิตะและพระอุป-
ติสสะ เป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ ตั้ง
มั่น พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า อานันทะ จักบำรุงพระชินะ
เจ้าพระองค์นี้.
มีคู่พระอัครสาวิกา ชื่อว่าพระเขมาและพระอุบล-
วรรณา เป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ
ตั้งมั่น.
ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระ-
องค์นั้น เรียกกันว่า อัสสัตถะ ต้นโพธิใบ.
มีอัครอุปัฎฐากชื่อ จิตตะ และหัตถอาฬวกะ มี
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อ นันทมาตา และอุตตรา.
พระชนมายุของพระโคดมผู้มีพระยศพระองค์นั้น
ประมาณ 100 ปี.
มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ฟังพระดำรัสของ
พระผู้ไม่มีผู้เสมอ ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่นี้แล้ว ก็ปรา-
โมชปลาบปลื้มใจว่า ท่านผู้นี้เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูร.

หมื่นโลกธาตุพร้อมทั้งเทวดา ก็พากันโห่ร้อง
ปรบมือ หัวร่อร่า ประคองอัญชลีนมัสการกล่าวว่า
ฝ่ายพวกเราจักพลาดคำสั่งสอนของพระโลกนาถ
พระองค์นี้ ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้า
ของท่านผู้นี้.
มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจะข้ามแม่น้ำ พลาดท่าน้ำ
เฉพาะหน้า ก็ไปถือเอาท่าน้ำท่าหลัง ข้ามแม่น้ำ
ฉันใด
พวกเราทุกคน ผิว่า จะผ่านพ้นพระชินเจ้าพระ-
องค์นี้ไป ในอนาคตกาล พวกเราก็จักอยู่ต่อหน้าของ
ท่านผู้นี้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
เราสดับพระดำรัสของพระองค์แล้ว ก็ยังจิตให้
เลื่อมใสยิ่งขึ้น เมื่อจะยังประโยชน์นั้นนั่นแลให้สำเร็จ
จึงได้ถวายราชสมบัติอันยิ่งใหญ่ แด่พระชินเจ้า ครั้น
ถวายราชสมบัติอันยิ่งใหญ่แล้ว ก็บวชในสำนักของ
พระองค์.
เราเล่าเรียนพระสูตร พระวินัย และนวังคสัตถุ-
ศาสน์ทั้งหมดทำพระศาสนาของพระชินเจ้าให้งดงาม.
เราอยู่ในพระศาสนานั้น ไม่ประมาทในอิริยาบถ
นั่ง ยืน และ เดิน ถึงฝั่งแห่งอภิญญาแล้ว ก็ไปสู่
พรหมโลก.

พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ มี
พระนคร ชื่อว่า รัมมวดี พระชนกพระนามว่าพระเจ้า
สุนันทะ พระชนนีพระนามว่า พระนางสุชาดา.
พระองค์ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่หมื่นปี ทรงมี
ปราสาทอย่างยอดเยี่ยม 3 หลัง ชื่อว่า รุจิปราสาท
สุรุจิปราสาท สุภปราสาท มีพระสนมนารีสามแสน
นาง มีพระอัครมเหสี พระนามว่า รุจิเทวี มีพระ
โอรสพระนามว่า วิชิตเสนะ.
ทรงเห็นนิมิตทั้ง 4 เสด็จออกอภิเนษกรมณ์ด้วย
ยานคือรถทรง พระชินเจ้าทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 10 เดือน
เต็ม.
พระมหาวีระโกณฑัญญะ ผู้เป็นยอดแห่งสัตว์
สองเท้าผู้สงบ อันพรหมอาราธนาแล้ว ทรงประกาศ
พระธรรมจักรแก่เทพดาทั้งหลาย ณ มหาวัน.
ทรงมีคู่อัครสาวก ชื่อพระภัททะและพระสุภัททะ
พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ ทรงมีพระ
พุทธอุปัฏฐาก ชื่อว่า อนุรุทธะ.
พระโกณฑัญญพุทธเจ้าผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีคู่
อัครสาวิกา ชื่อพระติสสาและพระอุปติสสา. พระ-
โกณฑัญญูพุทธเจ้า ผู้แสวงคุณยิ่งใหญ่ มีต้นไม้เป็นที่
ตรัสรู้ ชื่อ สาลกัลยาณี [ต้นขานาง]

ทรงมีอัครอุปัฏฐาก ชื่อโสณะ และอุปโสณะ มี
อัครอุปัฏฐายิกา ชื่อ นันทา และสิริมา.
พระมหามุนีพระองค์นั้น ส่ง 88 ศอก ทรงสง่า
งามเหมือนดวงจันทร์ ประหนึ่งดวงอาทิตย์เที่ยงวัน.
ในยุคนั้น ทรงมีพระชนมายุแสนปี พระองค์
เมื่อทรงพระชนม์อยู่เพียงนั้น ก็ทรงยังหมู่ชนเป็นอัน
มากให้ข้ามโอฆสงสาร.
แผ่นดินก็งดงามด้วยพระขีณาสพ ผู้ไร้มลทิน
เหมือนท้องนภากาศงามด้วยหมู่ดาว พระองค์ก็งดงาม
เหมือนอย่างนั้น.
พระอรหันต์เหล่านั้น ทาประมาณมิได้ ไม่หวั่น
ไหวด้วยโลกธรรม ยากที่จะมีผู้เข้าไปหา พระผู้มียศ
ใหญ่เหล่านั้น แสดงอิทธิปาฏิหาริย์แล้วก็นิพพาน
เหมือนสายฟ้าแลบ.
พระวรฤทธิ์ของพระชินเจ้าไม่มีอะไรเทียบได้
พระสมาธิอันญาณอบรมแล้ว ทั้งนั้นก็อันตรธานไปสิ้น
สังขารทั้งปวงก็ว่างเปล่าโดยแน่แท้.
พระโกณฑัญญพุทธเจ้า ผู้ทรงพระสิริเสด็จดับ
ขันธ์ปรินิพพาน ณ พระวิหารนันทารามพระเจดีย์ของ
พระองค์ในพระวิหารนั้น สูง 7 โยชน์.
จบวงศ์พระโกณฑัญญพุทธเจ้าที่ 2

พรรณนาวงศ์พระโกณฑัญญพุทธเจ้าที่ 2



ดังได้สดับมา เมื่อพระผู้มีพระเจ้าทีปังกรเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว
ศาสนาของพระองค์ดำรงอยู่แสนปี. เพราะอันตรธานแห่งพระสาวกทั้งหลาย
ของพระพุทธะและอนุพุทธะแม้ศาสนาของพระองค์ก็อันตรธาน. ต่อมาภายหลัง
ศาสนาของพระองค์ ล่วงไปอสงไขยหนึ่ง พระศาสดาพระนามว่าโกณฑัญญะ
ก็อุบัติในกัปหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงบำเพ็ญบารมีมาสิบหก
อสงไขยแสนกัป อบรมบ่มพระญาณแก่กล้าแล้ว ทรงดำรงอยู่ในอัตภาพเช่น
เดียวกับอัตภาพเป็นพระเวสสันดร จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว บังเกิดในสวรรค์ชั้น
ดุสิต ดำรงอยู่ในดุสิตนั้น จนตลอดพระชนมายุ ประทานปฏิญาณแก่เทวดาทั้งหลาย
จุติจากดุสิต ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสุชาดาเทวี ในราชสกุลของ
พระเจ้าสุนันทะ กรุงรัมมวดี. ในขณะที่พระองค์ทรงถือปฏิสนธิ ก็บังเกิด
พระปาฏิหาริย์ 32 ประการดังกล่าวไว้ในวงศ์ของพระทีปังกรพุทธเจ้า. พระองค์
มีเหล่าเทวดาถวายอารักขา ถ้วนทศมาสก็ประสูติจากพระครรภ์พระมารดา ทรง
เป็นยอดของสรรพสัตว์ บ่ายพระพักตร์ทางทิศอุดร เสด็จย่างพระบาทได้ 7
ก้าว ทรงแลดูทุกทิศ ทรงเปล่งอาสภิวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เรา
เป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดแห่งโลก ชาตินี้
เป็นชาติสุดท้าย ตั้งแต่บัดนี้ ไม่มีการเกิดอีก.

ต่อนั้น ในวันขนานพระนามของพระโพธิสัตว์นั้น พระประยูรญาติ
ทั้งหลาย ก็ขนานพระนามว่า โกณฑัญญะ ความจริงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระ-
องค์นั้นทรงมีพระโคตร เป็นโกณฑัญญโคตร. เขาว่า พระองค์มีปราสาท 3
หลังน่ารื่นรมย์อย่างยิ่ง ชื่อว่า รามะปราสาท สุรามะปราสาท1 สุภะปราสาท. ทั้ง

1. บาลีเป็น รุจิ สุรุจิ และสุภะปราสาท.